ใครที่กำลังวางแผนจะซื้อบ้านสักหลัง อย่าลืมพิจารณาว่า
ถูกหลักฮวงจุ้ยหรือไม่ ถ้าไปซื้อบ้านใหม่ในโครงการ
ก็ต้องดูว่าโครงการนั้นฮวงจุ้ยดีไหม เพราะถ้าฮวงจุ้ยโครงการดี
เราเข้าไปอยู่ในโครงการนั้น ย่อมได้ผลดีแน่ๆ
ในการพิจารณาว่าโครงการแบบไหนถึงจะเรียกว่าฮวงจุ้ยดี
อันเป็นปัจจัยแรกในการสร้างครอบครัว
หรือแหล่งพักพิงที่สามารถให้ความอบอุ่นและร่มเย็นเป็นสุข
อยากจะซื้อสักหลังหนึ่ง ต้องพิจารณาอะไรบ้าง มาดูกัน
1. ทำเลที่ตั้งโครงการ
วิธีสังเกตง่ายๆโครงการที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่หรือติดกับถนนใหญ่ ถือเป็นทำเลที่ดี เพราะกระแสการเข้าออกสะดวก ราบรื่น ไม่เข้าตามตรอกซอกซอย แต่ข้อเสียของโครงการที่อยู่ในทำเลแบบนี้ ก็คือ บ้านราคาจะแพง
2. โครงการใกล้แหล่งชุมชน
หมู่บ้านที่ใกล้กับแหล่งชุมชนอยู่แล้ว เช่น ใกล้ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล ฮวงจุ้ยที่ดีแน่ๆ ต่างกับโครงการหมู่บ้านที่อยู่ไกลจากแหล่งชุมชน ย่อมถือผิดฮวงจุ้ยที่ไม่ดีแน่ๆ
3. สภาพแวดล้อมภายในโครงการต้องสมดุล
ความ สมดุลของจำนวนบ้านกับพื้นที่ โครงการที่มีบ้านอัดแน่นเต็มโครงการไปหมด แทบไม่มีที่หายใจ ย่อมมีฮวงจุ้ยเสีย เพราะในทางฮวงจุ้ยจะถือว่า โครงการมีสภาพอุดตัน การไหลเวียนของชี่ไม่ราบรื่น ส่งผลให้คนที่อยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ พลอยอับโชคลาภไปด้วย หมู่บ้านที่ดีจะต้องมีพื้นที่ว่างให้คนได้มีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจบ้าง อาทิ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือสโมสร
4. โครงการต้องเป็นบ้านเดี่ยวอย่างเดียว
โครงการที่มีการขายบ้านหลายประเภทในโครงการเดียวกัน เช่น ด้านหน้ามีอาคารพาณิชย์ ส่วนกลางเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด ส่วนหลังเป็นบ้านเดี่ยว โครงการลักษณะแบบนี้จะหาความสงบได้ยาก และไม่น่าอยู่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยจะสู้โครงการที่ขายบ้านเดี่ยวอย่างเดียวไม่ได้ ในทางฮวงจุ้ยบอกว่า ความเป็นระเบียบจะก่อให้กระแสชี่ไหลได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยได้โชคลาภอย่างเต็มที่
5. ถนนใหญ่ดีกว่าเล็ก
โครงการที่มีถนนภายในกว้างใหญ่ ถือว่าเข้าข่ายฮวงจุ้ยที่ดี เพราะถนน แทนความหมายของสายน้ำที่ไหลสู่ตัวบ้าน สายน้ำที่ใหญ่ย่อมนำพาโชคลาภมากตามไปด้วย
6. แบบบ้านเน้นความสว่างและรับลม
คนส่วนใหญ่เวลาตัดสินใจจะซื้อบ้านก็มักจะเลือกกันที่แบบบ้าน แบบบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยจะต้องเป็นแบบที่เน้นความสว่างและรับลม สังเกตจากประตูและหน้าต่าง จะต้องเป็นแบบที่มีขนาดใหญ่ เพื่อรับแสงและลมได้อย่างเต็มที่ ชั้นบนควรจะออกแบบให้มีโถงกลาง เพื่อเปิดช่องให้แสง-ลมผ่านชั้นบนได้
7. การจัดระบบภายในโครงการ
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณา ระบบการรักษาความปลอดภัย ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น การเก็บขยะ ไฟฟ้าแสงสว่าง ถ้ามีการจัดระบบที่ดีแล้ว ย่อมส่งผลดีต้องผู้อยู่อาศัยในโครงการ
8 ดูทิศทางเพื่อเลือกตำแหน่งห้อง
การดูทิศถือว่าสำคัญมาก การจะเลือกห้องอยู่ทาง ทิศไหนนั้น มีหลักให้พิจารณาง่ายๆ ดังนี้
- ด้านเหนือ อับลม
- ด้านใต้ รับลม
- ด้านตะวันออก รับแสงตอนเช้า
- ด้านตะวันตก รับแสงตอนบ่าย
ฉะนั้นหากเข้าไปในสถานที่ใดก็ตาม รู้สึกอึดอัดและอับทึบรวมทั้งมีแต่ความมืดมัว เพียงแค่สัมผัสแรกที่รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยสะดวกแล้ว ผลที่จะติดตามมา คืออุปสรรคขัดขวาง ไม่คล่องตัว ส่งผลร้ายให้โทษ ย่อมนำมาแต่ความล้มเหลว และความไม่สมหวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ หรือชีวิตครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก Horolive
1. ทำเลที่ตั้งโครงการ
วิธีสังเกตง่ายๆโครงการที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่หรือติดกับถนนใหญ่ ถือเป็นทำเลที่ดี เพราะกระแสการเข้าออกสะดวก ราบรื่น ไม่เข้าตามตรอกซอกซอย แต่ข้อเสียของโครงการที่อยู่ในทำเลแบบนี้ ก็คือ บ้านราคาจะแพง
2. โครงการใกล้แหล่งชุมชน
หมู่บ้านที่ใกล้กับแหล่งชุมชนอยู่แล้ว เช่น ใกล้ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ธนาคาร โรงพยาบาล ฮวงจุ้ยที่ดีแน่ๆ ต่างกับโครงการหมู่บ้านที่อยู่ไกลจากแหล่งชุมชน ย่อมถือผิดฮวงจุ้ยที่ไม่ดีแน่ๆ
3. สภาพแวดล้อมภายในโครงการต้องสมดุล
ความ สมดุลของจำนวนบ้านกับพื้นที่ โครงการที่มีบ้านอัดแน่นเต็มโครงการไปหมด แทบไม่มีที่หายใจ ย่อมมีฮวงจุ้ยเสีย เพราะในทางฮวงจุ้ยจะถือว่า โครงการมีสภาพอุดตัน การไหลเวียนของชี่ไม่ราบรื่น ส่งผลให้คนที่อยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ พลอยอับโชคลาภไปด้วย หมู่บ้านที่ดีจะต้องมีพื้นที่ว่างให้คนได้มีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจบ้าง อาทิ สวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น หรือสโมสร
4. โครงการต้องเป็นบ้านเดี่ยวอย่างเดียว
โครงการที่มีการขายบ้านหลายประเภทในโครงการเดียวกัน เช่น ด้านหน้ามีอาคารพาณิชย์ ส่วนกลางเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด ส่วนหลังเป็นบ้านเดี่ยว โครงการลักษณะแบบนี้จะหาความสงบได้ยาก และไม่น่าอยู่ ความเป็นระเบียบเรียบร้อยจะสู้โครงการที่ขายบ้านเดี่ยวอย่างเดียวไม่ได้ ในทางฮวงจุ้ยบอกว่า ความเป็นระเบียบจะก่อให้กระแสชี่ไหลได้อย่างราบรื่น ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยได้โชคลาภอย่างเต็มที่
โครงการที่มีถนนภายในกว้างใหญ่ ถือว่าเข้าข่ายฮวงจุ้ยที่ดี เพราะถนน แทนความหมายของสายน้ำที่ไหลสู่ตัวบ้าน สายน้ำที่ใหญ่ย่อมนำพาโชคลาภมากตามไปด้วย
6. แบบบ้านเน้นความสว่างและรับลม
คนส่วนใหญ่เวลาตัดสินใจจะซื้อบ้านก็มักจะเลือกกันที่แบบบ้าน แบบบ้านที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยจะต้องเป็นแบบที่เน้นความสว่างและรับลม สังเกตจากประตูและหน้าต่าง จะต้องเป็นแบบที่มีขนาดใหญ่ เพื่อรับแสงและลมได้อย่างเต็มที่ ชั้นบนควรจะออกแบบให้มีโถงกลาง เพื่อเปิดช่องให้แสง-ลมผ่านชั้นบนได้
7. การจัดระบบภายในโครงการ
เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณา ระบบการรักษาความปลอดภัย ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น การเก็บขยะ ไฟฟ้าแสงสว่าง ถ้ามีการจัดระบบที่ดีแล้ว ย่อมส่งผลดีต้องผู้อยู่อาศัยในโครงการ
8 ดูทิศทางเพื่อเลือกตำแหน่งห้อง
การดูทิศถือว่าสำคัญมาก การจะเลือกห้องอยู่ทาง ทิศไหนนั้น มีหลักให้พิจารณาง่ายๆ ดังนี้
- ด้านเหนือ อับลม
- ด้านใต้ รับลม
- ด้านตะวันออก รับแสงตอนเช้า
- ด้านตะวันตก รับแสงตอนบ่าย
ฉะนั้นหากเข้าไปในสถานที่ใดก็ตาม รู้สึกอึดอัดและอับทึบรวมทั้งมีแต่ความมืดมัว เพียงแค่สัมผัสแรกที่รู้สึกว่า หายใจไม่ค่อยสะดวกแล้ว ผลที่จะติดตามมา คืออุปสรรคขัดขวาง ไม่คล่องตัว ส่งผลร้ายให้โทษ ย่อมนำมาแต่ความล้มเหลว และความไม่สมหวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ หรือชีวิตครอบครัว
ขอบคุณข้อมูลจาก Horolive